PM2.5 เป็นฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งการที่มันมีขนาดที่เล็กจิ๋วนี้มันจึงหลุดรอดการกรองของขนจมูก และผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราได้เต็มที่ เริ่มจากเข้าสู่ถุงลมฝอยและซึมเข้าสู่หลอดเลือดฝอย และกระแสเลือดของเราในที่สุด
งานวิจัยทางการแพทย์มากมายยืนยันตรงกันว่าการที่มนุษย์เราหายใจเอา PM2.5 เข้าไปในร่างกายเรื่อยๆ นี้จะนำมาซึ่งการเกิด ‘โรคร้าย’ ในหลายระบบของร่างกาย
องค์การอนามัยโลกออกประกาศเป็นทางการว่า การสัมผัสฝุ่น PM2.5 ส่งผลโดยตรงต่อ ‘การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร’ ของประชากรโลกถึง 3.7ล้านคนต่อปี มหันตภัยนี้ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด เพราะจากสถิติผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่คือผู้คนที่อาศัยอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก
เรามาดูกันว่าการที่เราต้องหายใจเอาฝุ่น PM2.5 เข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะในยามหลับหรือยามตื่น เรากำลังเปิดประตูต้อนรับ ‘โรคภัย’ อะไรบ้างเข้าสู่ร่างกาย
เพียงแค่การสัมผัสฝุ่น PM.2.5 ในระยะสั้น ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายก็มีมากมายนับไม่ถ้วน
เริ่มตั้งแต่การหายใจที่ลำบากขึ้น แน่นหน้าอก แสบจมูก ไอมีเสมหะ หลอดลมอักเสบ ไปจนถึงโรคภูมิแพ้และหอบหืดที่กำเริบขึ้นชัดเจน ทีนี้หากเราต้องสูดฝุ่นพิษกันในระยะยาวเป็นเดือนๆ เหมือนที่เป็นอยู่ล่ะ โอกาสที่เราจะได้โรคปอดอักเสบ ถุงลมโป่งพอง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือมะเร็งปอดแถมมา ...ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
คุณรู้หรือไม่ว่าฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 นี้ส่งผลร้ายกับระบบสมองไม่แพ้ระบบทางเดินหายใจเลยล่ะ ในทุกครั้งที่เราหายใจเอาฝุ่นพิษเข้าสู่ร่างกาย นั่นคือตัวกระตุ้นอย่างดีที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อม โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคอัลไซเมอร์ เรื่อยไปจนถึงโรคอัมพฤกษ์อัมพาตในกลุ่มผู้สูงอายุ
และอันตรายเหล่านี้ไม่ได้เกิดแค่กับคนสูงวัยเท่านั้น การศึกษาด้านการแพทย์ทั่วโลกล้วนฟันธงว่าฝุ่น PM2.5 ทำให้พัฒนาการทางสมองของเด็กช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ
ในเมื่อฝุ่น PM2.5 สามารถแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ มันย่อมทำร้ายระบบการทำงานของหลอดเลือดได้อย่างแน่นอน สิ่งนี้ทำให้คนที่ต้องสูดฝุ่นพิษเผชิญความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงขึ้นถึง 10% นอกจากนี้การหายใจเอา PM2.5 เข้าร่างอย่างต่อเนื่องยังส่งผลให้เกิดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะหลอดเลือดแข็ง อันเป็นสาเหตุหลักของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน และกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันด้วย
ข้อนี้คือความกังวลขั้นสุดของคนรักสวยรักงาม หรือคนที่มีความเปราะบางด้านสุขภาพผิว ด้วยความที่ฝุ่น PM2.5 มีสารประกอบของคาร์บอนที่แทรกซึมเข้าสู่เซลล์ผิวหนังได้ มันจึงเป็นต้นเหตุทำให้เกิดริ้วรอยผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ และความผิดปกติอื่นๆ ที่นำไปสู่การเกิดโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง หรือโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังต่างๆ ในอนาคต
โรคภัยที่เกิดในระบบดวงตานี้มาจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่แฝงมากับฝุ่น PM2.5ในอากาศ โดยเมื่อละอองฝุ่นปลิวเข้าสู่เยื่อบุตาจนเกิดการระคายเคือง คัน มีอาการตาแดง แห้ง และตาอักเสบในที่สุด
ซึ่งอาการเยื่อบุตาอักเสบเฉียบพลันนี้หากได้รับการดูแลรักษาที่ดีก็จะหายได้ภายในสองสัปดาห์ แต่หากใครละเลย ไม่มีความรู้ความเข้าใจ หรือไม่สามารถเข้าถึงการรักษาทางการแพทย์ที่ถูกต้อง ก็อาจนำไปสู่อาการตาอักเสบที่รุนแรงและเรื้อรังได้
ท้ายสุด ที่เป็นข่าวในหน้าฟีดเรื่องอาจารย์ในภาคเหนือล้มป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งปอดหลายรายนั้น...ก็เป็นเรื่องจริง มหันตภัยนี้หาใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่การที่บ้านเมืองเรายังไม่มีเจ้าภาพรับผิดชอบปัญหาฝุ่นอย่างเข้มข้น ก็ทำให้ปัญหาที่อันตรายต่อชีวิตประชาชนยังคงอยู่ต่อไป
พวกเราในฐานะประชาชนจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยกันผลักดันร่างกฎหมายอากาศสะอาดให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อความหวังว่าในปีหน้าเราจะเริ่มทวงคืนสุขภาพและคุณภาพชีวิตกลับคืนมาได้สักที
อ้างอิง
คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่