ข้อมูลความรู้
ข่าวสาร
บทความ
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา
TH
ลงชื่อสนับสนุน
ลงชื่อสนับสนุน
ความเป็นมาและความสำคัญ ของการเสนอร่างพระราชบัญญัติ
บังคับใช้กฎหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการเกิด PM2.5
ด้วยสถานการณ์ปัญหาหมอกควันพิษ และมลพิษทางอากาศโดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน หรือ “พีเอ็ม ๒.๕” เป็นปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในต่างประเทศ เช่น The Great Smog ใน อังกฤษ หรือวิกฤติหมอกควันใหญ่ในจีน แต่เป็นเรื่องใหม่ในความรับรู้ของสังคมไทย โดยเริ่มมีการกล่าวถึงกันมากขึ้นในช่วง ๓-๔ ปีที่ผ่านมาเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ ปัญหาดังกล่าวเป็นสิ่งที่ส่งผลอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน
ดังจะเห็นได้จากการที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศเตือนถึงผลร้ายที่สำคัญ คือ การทำให้คนที่ มีโรคระบบการหายใจเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ ทั้งโรคจมูกอักเสบ ภูมิแพ้ โรคหืด และโรคถุงลมโป่งพอง และ อาจมีส่วนทำให้เกิดมะเร็งปอด ได้เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบรุนแรงแบบภัยเงียบต่อสุขอนามัยของประชาชน และ เป็นสาเหตุของการ เสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก หญิงมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุ และผู้ทำงานในที่โล่ง และโดยที่การแพร่กระจาย ของหมอกควัน พิษในราชอาณาจักร ไทยได้ส่งผลร้ายต่อสุขภาพ อนามัย และชีวิต ของประชาชนเป็นที่ประจักษ์อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการละเมิด สิทธิในชีวิต สิทธิในสุขภาพ และสิทธิของเด็ก อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองคุ้มครอง ในฐานะ สิทธิมนุษยชนทั้งในกฎหมาย ระหว่างประเทศ และกฎหมายภายในของนานา อารยประเทศ รวมถึงรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายภายในอีกหลายฉบับที่ผ่านมา
คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก็เห็นความสำคัญของการรับรองและ คุ้มครองสิทธิในชีวิตสิทธิในสุขภาพ และสิทธิของเด็กในประเด็นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เป็นอย่างมาก จนในที่สุด ได้มีพัฒนาการเรียกร้องให้รัฐต่างๆ รับรองสิทธิทั้งสามประการ ในสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น โดยการนำความสัมพันธ์ของสิทธิทั้งสองมาปรับใช้ ในนามสิทธิที่จะหายใจอากาศสะอาด ซึ่งรัฐทุกรัฐมี พันธกรณีในการ คุ้มครอง เคารพ และทำให้เติมเต็มแก่บุคคลทุกคนเช่นเดียวกับสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตาม สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการป้องกันและการแก้ไข ปัญหาหมอก ควันพิษในประเทศไทย คือ ความไม่เพียงพอของกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน ในการเข้ามาป้องกัน ควบคุม และ กำกับดูแลสาเหตุต้นน้ำของปัญหาหมอกควันพิษ ที่มาจากแหล่งกำเนิดต่างๆ ตลอดจนกฎหมาย สิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการควบคุม หมอกควันพิษที่มีอยู่นั้น ล้วนเป็นกฎหมายที่ริเริ่มจากภาครัฐเป็นผู้บัญญัติขึ้นเมื่อ นานมาแล้ว และยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ โดยขาดกระบวนการมีส่วนร่วม และการรับฟังความคิดเห็นจาก ประชาชนอย่างเต็มที่ อีกทั้งเนื้อหาบางส่วนก็ไม่ทันสมัย โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของประชาชนใน ด้านสิ่งแวดล้อม ความไม่ทันสมัย ของการกำหนดมาตรฐานคุณภาพทางอากาศในบรรยากาศโดยทั่วไป การไม่มี ๒ กฎหมายหลักในการบริหารจัดการรองรับระบบฐานข้อมูลและรายงานข้อมูล การปล่อยมลพิษจากแหล่งกำเนิด มลพิษ และการกำหนดมาตรฐานของมลพิษ ทางอากาศจากแหล่งกำเนิดมลพิษระหว่างหน่วยงานที่แตกต่างกัน
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีปัญหาในเชิงโครงสร้าง ระบบ องค์กร และอำนาจหน้าที่ขององค์กร ต่างๆ ที่ดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ที่ต่างฝ่ายต่างทำภายใต้กฎหมายแต่ละฉบับที่ให้ อำนาจ ซึ่งกฎหมายแต่ละฉบับ ก็ยังคงมีความกระจัดกระจาย ขาดการบูรณาการที่ต้อง ตอบสนองต่อการทำงานของระบบนิเวศที่ต้องไม่แยก ส่วนจากกัน ทั้งในระดับส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ทำให้การแก้ปัญหาหมอกควันพิษ รวมทั้ง ปัญหาฝุ่นพิษ PM ๒.๕ ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นระบบและทันท่วงที อันส่งผลต่อการรับรอง คุ้มครองสิทธิที่จะหายใจอากาศสะอาดของประชาชนที่บุคคลทุกคนพึงมี ซึ่งรัฐต้องมี หน้าที่เคารพ ปกป้อง และทำให้ สิทธิที่จะหายใจอากาศสะอาดของบุคคลเกิดขึ้นได้จริง อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งต้องอำนวยการและกำกับดูแลการ จัดการร่วมอากาศสะอาด เพื่อสุขภาพอย่างบูรณาการระหว่างหน่วยงานของรัฐ และระหว่างหน่วยงานของรัฐ กับภาคประชาสังคมในรูปแบบการจัดการร่วม ตลอดจนการกำหนดให้มีเครื่องมือ และมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการที่เป็นต้นเหตุสำคัญ ของการก่อหมอกควันพิษ ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิธีการ ผลิตให้เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติ
ร่วมเป็นส่วนนึงของการผลักดัน พ.ร.บ.
อากาศสะอาดไปกับเรา
ร่วมลงชื่อสนับสนุน
ติดตามเราได้ที่
เกี่ยวกับเรา
คลังความรู้
ข่าวสาร
คำถามที่พบบ่อยๆ
ติดต่อเรา
Thailand Clean Air Network เครือข่ายอากาศสะอาด
thailandcleanairnetwork@gmail.com